1
ฉันเริ่มต้นทำหน้าที่ใหม่ในสายงานด้านเขียนเป็นครั้งแรก กับบทบาทการเป็นบก.หนังสือนิยายและพ็อกเก็ตบุ๊ค ซึ่งหนังสือ 2 เรื่อง 2 เล่มนี้ ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่นั่นก็ท้าทายใช่เล่น
2
ในการทำหน้าที่บก. ทำให้ได้รู้ว่าแม่มยากกว่าการเป็นนักเขียนอีก ที่ผ่านมาเคยเป็นแต่นักเขียน ไม่เคยเข้ามาคลุกวงใน มาดูขั้นตอนกระบวนการผลิตหนังสือจริงๆ จังๆ เลยคิดมาตลอดว่ามันชิลล์ๆ แต่พอได้ลองทำเองจริงๆ...เปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน
3
นอกจากได้ทำสายบก.เล่มแล้ว ยังมีโอกาสได้ทำงานสายนิตยสารด้วย เป็นนิตยสารออนไลน์ชื่อว่า HiWrite Magazine ทำร่วมกับเพื่อนใหม่ 9 คน โดยมีนายทุนคอยออกค่าใช้จ่ายให้เสร็จสรรพ ยกเว้นเงินเดือน พูดง่ายๆ คือเป็นงานทำฟรี ที่นายทุนขอดูผลงานก่อนครึ่งปี จึงจะพิจารณาเรื่องเงินเดือน ก็มองกันว่า เก็บประสบการณ์กันไป
4
การรวมตัวทำนิตยสารครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการชักชวนของอดีตเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าคนนี้เป็นจุดศูนย์กลางของทุกคน เพราะแต่ละคนไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน รู้จักแต่ไอ้คนชวนนี่แหละ
5
ฟังดูเหมือนจะดีเนอะ แต่ความเป็นจริงคือโหดร้ายสาสสส เพราะมันคือการหลอกลวงทั้งหมด จากคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน(ไอ้คนที่ชวนฉันมาทำนี่แหละ) พูดง่ายๆ คือ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูก "เพื่อน" หลอก จนเกือบต้องเป็นหนี้ 800,000 บาท
6
ไม่ใช่แค่ทีมนิตยสาร และนายทุนที่โดนหลอก แต่คนนอกเองก็โดนไอ้นักเขียนจอมตอแหลนี่หลอกด้วย อิมเมจที่เคยสวยงามของนักเขียนคนนี้ พังทลายไม่มีชิ้นดีทันทีที่ฉันรู้ความจริง ตอนแรกที่ยังไม่รู้ความจริงก็แอบตะหงิดใจ เพราะมักมีคนภายนอกมากมายติดต่อหลังไมค์มาหาพวกเราเพื่อให้ช่วยติดต่อนักเขียนคนนี้ให้เพราะจะเอาเรื่องที่ถูกมันโกง ถูกหลอกฟัน ถูกสารพัดถูก แต่ยังโลกสวยอยู่ เลือกเชื่อ "เพื่อน" ว่ามันไม่ได้ทำ เป็นการเข้าใจผิดกัน
7
มาโป๊ะแตกเอาตอนที่นายทุนเรียกคุยพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรก (ที่ผ่านมาคือติดต่อกันผ่านนักเขียนคนนั้น) หลังจากคุยกับนายทุนวันนั้น เลขาของนายทุนได้ร่างสัญญาทวงหนี้ส่งมาให้ฉัน ด้วยความตกใจเลยโทรกลับไปหา พูดคุยกัน จนได้รู้ความจริงกันทั้งสองฝ่ายว่าถูกไอ้เลวนี่มันหลอกแล้ว
8
เป็นครั้งแรกที่ขึ้นโรงพัก เพื่อไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากนายทุนไม่ได้อยู่ในประเทศ จะทำการฟ้องร้องอะไรกันก็ลำบากวุ่นวาย นายทุนเลยอโหสิกรรมให้ โชคดีว่าพวกเราไม่ต้องใช้หนี้แทนไอ้คนเลวนั่น (ถ้าลองเป็นเงินฉันสิ ฉันจะตามจองล้างจองผลาญ เอาให้ตายกันไปข้างเลยคอยดู)
9
แถมนายทุนยังให้การสนับสนุนเงินต่อมาอีกก้อนเพื่อทำสำนักพิมพ์(กราบแทบเท้า เป็นผู้มีพระคุณกับสนพ.ของฉันจริงจังค่ะคนนี้)
10
และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหัวหน้าทีมของสนพ.ที่ตั้งเองเป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ต้องบอกว่าขอบคุณทุกคนมากที่ร่วมฟันฝ่ากันมาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเงินก้่อนนั้นจากนายทุน ที่ทำให้สนพ. Books Rider ได้มีวันดีๆ แบบนี้ ถ้ามีฉันคนเดียว สนพ.คงเป็นแค่ความฝัน แต่เพราะมีทุกคนอยู่ด้วย เพระาพวกเราฝ่าฟันอุปสรรค เจอเรื่องร้ายๆ เหี้ยๆ ด้วยกันมาเยอะ จึงได้เข้าใจซึ่งกันและกัน และไม่ทอดทิ้งกันไป
11
ดังนั้นต้องบอกว่า ขอบคุณนักเขียนนามปากกา ด.ว.ม. หรือ ฮ.น.จ. ที่ความเลวของคุณทำให้เรามีวันนี้ ความเลวของคุณทำให้ฉันได้พบกับมิตรภาพและโอกาสดีๆ เช่นนี้ เป็นเรื่องเดียวที่รู้สึกขอบคุณจริงๆ
12
ที่เหลือคิดไม่ออกแล้วว่ายังมีครั้งแรกอะไรอีกตอนอายุ 25 เอาเป็นว่าขอจบเรื่องแต่เพียงเท่านี้เลยแล้วกัน ส่วนนักเขียนโฉดคนนั้น ใครที่อ่านนิยายคงจะรู้จักกัน นักเขียนหน้าหวาน ที่พูดเก่งๆ มีผลงานออกมาเยอะมาก และเคยได้ออกรายการทีวีของช่อง Thai PBS ไปเดากันเองเล่นๆ และถ้าใครได้เจอตัว ฝากตบกบาลมันทีนึงนะ (ฮา)
13
สุดท้ายและท้ายสุดจริงๆละ กราบขออภัยล่วงหน้า หากบทความครั้งนี้มันเถื่อนไปหน่อย อินเนอร์มา(เกือบ)เต็มค่ะ แหะๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น