เธอเป็นยังไงบ้าง เธอเหนื่อยมากไหม ฉันเห็นเธอทำงานทุกวัน ทำงานตลอดเวลา ไม่เคยได้หยุดพักเหมือนใครเขาเลยนี่เนอะ วันนี้ฉันมีเรื่องราวอยากเล่าให้เธอฟังด้วยล่ะ
เธอรู้มั๊ยว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ฉันเคยนั่งจ้องมองเธอทุกวันเลยนะ เพราะในใจเฝ้ารอวันที่มีชื่อเรียกว่า “วันประกาศผลแอดมิชชั่น” อย่างใจจดใจจ่อ ในช่วงเวลาตอนนั้นฉันเชื่อว่าเด็กไทยอีกหลายคนก็รู้สึกแบบเดียวกันคือ ตื่นเต้น กังวล และคาดหวัง แต่ฉันว่าตอนนั้นเธอต้องกำลังขี้เกียจอยู่แน่ๆ ถึงได้เดินทางช้าเหลือเกิน แต่ในที่สุดก็สิ้นสุดการเฝ้ามองเธอสักที แต่การสิ้นสุดในครั้งนั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียใจมากเหลือ เกิน เมื่อได้พบว่าฉันไม่สามารถสอบติดคณะและมหาวิทยาลัยที่อยากเรียนจริงๆ แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการได้เรียนรู้กับอะไรใหม่ๆ เช่นกัน
ระยะ เวลา 5 ปีเนี่ย มองให้มันเร็วมันก็ดูเร็วดี แต่ถ้ามองให้มันช้า มันก็รู้สึกว่าช้ามากมายอีกนั่นแหละ คำว่า “วันเวลา” มันดูเป็นสิ่งที่มหัสจรรย์ดีนะ เธอว่าไหม? ทุกครั้งที่ฉันมองเธอ ฉันมักจะนึกย้อนความทรงจำไปยังอดีตว่าที่ผ่านมา เราได้ทำทุกอย่างเต็มที่อย่างที่ต้องการแล้วหรือยัง แน่ล่ะว่าตัวฉันนั้นมีหลายต่อหลายครั้งที่ได้ใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เหลือเกิน แต่ตอนนี้ฉันเองไม่ค่อยนึกเสียใจหรอกนะ เพราะการกระทำทุกอย่างที่เคยทำใจอดีต มันก็ได้ส่งผลให้ฉันเป็นตัวฉันอย่างในปัจจุบันนี่ไง แล้วเธอล่ะ คิดว่ายังไง?
ในเมื่อนาฬิกานั้นไม่เคยเดินย้อนกลับหลัง(ตราบเท่าที่มันยังไม่เสีย) การที่เราจะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่เวลาไม่เคยทำร้ายเราได้นานหรอก ในวันนี้เราเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในวันข้างหน้าเราก็อาจจะขอบใจมันก็เป็นได้
“สุขอยู่ ไม่นาน เหมือนวันวานแค่เพียงผ่าน ทุกข์ก็ไม่นาน จะเลือนหาย อยู่เพียงแค่เรา ให้โอกาสกับหัวใจ จะมองมุมไหนให้ตัวเอง” นี่เป็นท่อนฮุคของเพลง ไม่นาน จากคุณกฤต พรรณนา ที่หากเราฟังผ่านๆ เราก็จะมองแค่ว่ามันเพราะดี แต่หากเราลองมาฟังดูให้ดี เราก็จะรู้ว่า เขาได้ตีความให้เข้าใจคำว่าเวลาได้ดีที่สุด สิ่งที่คุณกฤตต้องการจะสื่อก็คือ เวลาเป็นเหมือนดาบสองคมที่หากเราเลือกรับรู้ในทางที่ดี มันจะดีกับเรา แต่ถ้าเกิดเราเลือกจะมองในทางที่เลวร้าย มันก็จะร้ายกับเราเช่นกัน
แล้วคุณล่ะ คิดยังไงกับเพื่อนที่ชื่อ “วันเวลา” บ้าง?
ปากกาสี เพื่อนคนหนึ่งของเธอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น