วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

เรื่องราวจากบทเพลง...ตอนนาฬิกาไม่เดินถอยหลัง


เชื่อว่าทุกคนคงเคยสูญเสียของรักหรือคนที่รักไป ผมเองก็เช่นกัน กรณีของผมอาจจะเรียกได้ว่าแย่กว่าหลายๆ คนตรงนี้ก็ว่าได้ เพราะผมสูญเสียคนสำคัญไปโดยที่ผมยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำๆ นี้กับเขาเลย คำว่า...ขอโทษ...


ถึงรักแค่ไหนก็คงแค่นั้นจริงๆยิ่งคอยยิ่งรู้ว่าไม่ควรคอย ทำใจให้รับความจริงได้แล้วถึงเวลาปลดปล่อย วันและคืนเหล่านั้นให้มันเป็นอดีตไป
เพราะอุบัติเหตุในวัยเด็ก ทำให้ผมสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนนั้นผมยังจำความอะไรไม่ได้มากนัก ใบหน้าของพ่อและแม่ในความทรงจำช่างเลือนลางและว่างเปล่า ในตอนนั้นผมโชคดีที่มีคุณตาและคุณยายอยู่ ท่านทั้งสองช่วยกันเลี้ยงดูผมอย่างดี ทำให้ผมในตอนนั้นสนิทกับพวกท่านทั้งสองเป็นอย่างมาก 

แต่ต่อมา เมื่อผมก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีปมที่ไม่มีพ่อและแม่เหมือนอย่างใครเขา ผมกลายเป็นเด็กเกเรที่ขาดความอบอุ่น และขยันโดดเรียนไปนั่งอยู่ร้านเกมเพื่อหาอะไรทำให้ตัวเองได้ปลดปล่อยจากความรู้สึกแย่ๆ แบบนี้ แรกๆ มันก็ดีครับ แต่โดดไปโดดมา เรื่องก็ไปถึงหูคุณตาคุณยายเข้า คุณตาโกรธมากถึงขนาดต่อว่าด่าทอและหยิบหาไม้กวาดมาไล่ตีผมในขณะที่คุณยายพยายามห้ามคุณตาไม่ให้ทำร้ายหลาน วันนั้นผมคิดไปตามประสาเด็กว่าตาคงไม่รักผมแล้ว ถึงได้เกรี้ยวกราดใส่ขนาดนี้
ตั้งแต่วันนั้นระยะห่างของผมกับคุณตาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวอะไรกับท่านอีก ในใจคิดเพียงแค่ว่า ต่างคนต่างอยู่ไปเถอะ

จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อผมอายุ 17 ปี ความเครียดและปมในวัยเด็กซึ่งไม่เคยได้รับการแก้ไขมันสะสมมาหนักหน่วงจนผมหาทางระบายออกด้วยการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข แล้วก็นั่นแหละครับ ถูกคุณตาจับได้อีกคร้ง ครั้งนี้ผมโดนต่อว่าตบตีหนักกว่าเก่า ทำให้ความอดทนที่มีเพียงเล็กน้อยของเด็กคนหนึ่งขาดผึง ผมตะโกนใส่หน้าท่านไปว่า ในเมื่อท่านไม่ใช่พ่อ และไม่ได้รักผมแล้ว งั้นต่อไปนี้ ผมก็จะไม่รักและไม่กกลับมาให้ท่านเห็นหน้าอีกต่อไป

คืนนั้นผมหนีไปนอนที่บ้านเพื่อน ก่อนที่ตอนเช้าจะสำนึกผิดว่าตัวเองพูดแรงเกินไป จึงได้ตัดสินใจโทรกลับไปที่บ้าน โดยไม่คาดคิดเลยว่าการสูญเสียครั้งใหญ่จะมาเยือนเร็วเพียงข้ามคืนแบบนี้
ผม...สูญเสียคุณตาไปแล้ว

พยุงตัวเองขึ้นมาจากความเดียวดายให้เธอทำลายชีวิตทำไม ความสุขทุกวินาทีจบแล้วท่องไว้ให้ขึ้นใจ เช็ดน้ำตาที่ไหลเมื่อไม่มีสิทธิ์จะย้อนวันเวลา
วันเวลาผ่านไปเกือบสองปีแล้ว แต่สำหรับผม...เรื่องทั้งหมดมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้ดูจะช้าเสียเหลือเกิน ความทรงจำสุดท้ายเกี่ยวกับคุณตายังคงตามหลอกหลอนให้ผมได้เจ็บ และโทษตัวเองว่าในวันนั้นหากผมยอมรับผิดแต่โดยดี หากไม่หุนหันพลันแล่นออกจากบ้านไป วันนี้คุณตาคงยังอยู่เคียงข้างผม ใช่...มันเป็นเพราะผมเอง

หยดน้ำใสๆ จากดวงตาไม่เคยเหือดแห้งไปพร้อมๆ กับที่กาลเวลาไม่เคยพาคุณตา...กลับมา

เจ็บปวดก็ต้องเดินต่อต้องหายใจต่อต้องเลิกเฝ้ารอเธอสักที กี่วันที่หมุนเลยผ่านจะต้องก้าวข้ามผ่านแม้ทรมานสักเท่าไหร่ เมื่อนาฬิกาไม่เคยที่จะเดินถอยกลับหลัง นาทีข้างหน้าอ้างว้างสักเพียงไรต้องเดินไปกับมัน
"ทีอย่ายึดติดกับอดีตเลยนะลูก มันไม่ใช่ความผิดของทีเลย ต...ต้องเข้มแข็งเข้าไว้นะ"

และมันเป็นอีกหนึ่งครั้งที่คุณยายพูดปลอบและโอบกอดตัวผมไว้ทั้งน้ำตา ผมมันเป็นหลานที่เลว เป็นต้นเหตุที่ทำให้อาการป่วยของคุณตากำเริบจนเสียชีวิตไปไม่พอ นี่ยังทำให้คุณยายต้องร้องไห้ซ้ำไปซ้ำมาอีก...

เสียงสะอื้นซึ่งดังขึ้นเป็นระลอกจากผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดทำให้ผมเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า คุณยายเองก็อายุมากขึ้นทุกปี ท่านจะอยู่กับผมไปได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ การที่ผมมัวแต่เศร้าซึม หมดอาลัยตายอยากอยู่แบบนี้มันรังแต่จะทำให้คุณยายไม่สบายใจเสียเปล่าๆ ในเมื่อเสียไปแล้วหนึ่ง อีกหนึ่งที่เหลือ ผมควรต้องดูแลรักษาให้ดีที่สุดสิ 

เพราะฉะนั้น ถึงจะเจ็บปวดมากเพียงใด แต่ผมจะต้องลุกขึ้นก้าวเดินต่อไปให้ได้...ผมสัญญาครับยาย  

รับไหวไม่ไหวก็ต้องบอกใจให้ทน ทางเดินมืดมนทนฝืนเดินไป ลืมคนที่หัวใจไม่อยากลบร้าวทุกลมหายใจ แต่ไม่มีทางไหนให้เลือกอีกนอกจากนี้ไม่มีเลย
ผมกลับมาดำเนินชีวิตในแบบที่ควรจะเป็นต่อ ตั้งใจเรียนไปเรื่อยจนจบปริญญา และเข้าทำงานในบริษัทดีๆ เงินเดือนสูง เพื่อนร่วมงานดี ทั้งที่ควรมีความสุขกับชีวิตในทุกวันนี้ แต่แปลกจัง...ทำไมในใจถึงยังคงเต็มไปด้วยความเศร้านะ

ทุกคืนที่หลับตาลงนอน ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงตามย้อนมาให้จดจำ ทำให้ในแต่ละวัน ผมต้องตื่นมาในสภาพน้ำตานองหน้า เมื่อเป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า ทำให้รู้ว่า ผมยังคงหนีความรู้สึกกผิดนี้ไปไม่ได้ ผมทำได้เพียงแต่อดทนใช้ชีวิตต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง สิ่งที่เก็บไว้ในใจ มันล้นเกินจะรับไหว และระเบิดออกมา...

เจ็บปวดก็ต้องเดินต่อต้องหายใจต่อต้องเลิกเฝ้ารอเธอสักที กี่วันที่หมุนเลยผ่านจะต้องก้าวข้ามผ่านแม้ทรมานสักเท่าไหร่ เมื่อนาฬิกาไม่เคยที่จะเดินถอยกลับหลัง นาทีข้างหน้าอ้างว้างสักเพียงไรต้องเดินไปกับมัน
เพื่อให้ความรู้สึกผิดนี้มันบรรเทาลง ผมตัดสินใจลาออกจากงาน และบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณตาพร้อมร้องขอให้ท่านอโหสิกรรมให้ ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันถูกต้องหรือไม่ รู้แค่ว่าอยากกทำก็เท่านั้น อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยทำให้ผมสงบลงได้ในระดับหนึ่ง ผมอยากจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้โดยที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจเหมือนตอนนี้อีก

ไม่ว่าจะชอบมันไหม แต่ความจริงเป็นอย่างนี้ ต้องตัดเธอไปสักทีปล่อยให้ความรักเราเป็นความหลัง
เพราะนาฬิกาแห่งชีวิตมีแต่คำว่า 'เดินไปข้างหน้า' มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหมุนย้อนกลับมาได้ใหม่ สิ่งที่คนเราสามารถทำได้จึงเหลือเพียง ใช้ช่วงเวลาที่เหลือในชีวิตให้ดีที่สุด ตราบจนกว่าเจ้าของร่างจะหมดลมหายใจ นาฬิกาก็จะยังคงหมุนเดินต่อไป ต่อไป และต่อไป... 


เพลง : นาฬิกาไม่เดินถอยหลัง
ศิลปิน : ดัง พันกร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น