วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรื่องราวจากบทเพลง...ตอนหนึ่งนาที



หนึ่งนาทีเพิ่งได้รู้มีค่าเท่าไหร่ ก็ในนาทีที่เธอจะไป บอกเลยว่าใจมันหาย
ผมกับแฟน คบกันมานาน...นานจนกลายเป็นของตายไปแล้ว ผมไม่ค่อยจะสนใจใยดีอะไรกับเธอนัก ผมทำร้ายเธอต่างๆ นาๆ โดยที่ผมลืมคิดไปเลยว่า...เธอก็มีหัวใจ ผมคิดอยู่เสมอว่า ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะไม่มีทางหนีผมไปไหนได้ มันเป็นแค่ความคิดโง่ๆ ของผู้ชายงี่เง่าอย่างผม ผมไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลยซักนิด ผมรู้แค่ว่าเธอรักผมมากแต่ก็ไม่แน่ใจว่าความรักที่ผมมีให้เธอนั้นมันจะเทียบเท่ากันได้หรือไม่


จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมเดินเข้าไปหยิบของในห้องและไปเจอซองเอกสารที่ซุกอยู่ใต้หมอนของเธอเข้า ด้วยความสงสัยผมจึงเปิดอ่านเอกสารที่อยู่ในซองนั่น เมื่อผมอ่านจบผมแทบจะล้มทั้งยืน เอกสารในซองสีน้ำตาลนั่นเป็นเอกสารจากโรงพยาบาลซึ่งระบุไว้ว่าแฟนของผมเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว!

กี่หมื่นนาที ที่เคยมีเธอนั้นข้างกาย ไม่เคยซึ้งในความหมาย รู้ค่าก็วันที่เธอต้องลา
“แล้วตัวเองเคยสนใจเค้าบ้างหรือเปล่าล่ะ ในเมื่อไม่เคยสนใจเค้าเลยแล้วจะมาอยากรู้ทำไมว่าเค้าจะเป็นหรือจะตายเมื่อไร!”

คำตอบจากแฟนผมเมื่อผมไปคาดคั้นถามเธอว่าทำไมเธอไม่เคยบอกผมเลยว่าเธอป่วยหนักก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด ผมผิดเองที่ไม่เคยสนใจเธอ ผมทำเหมือนเธอเป็นของตาย ไม่เคยดูแลเอาใจใส่เธอเหมือนวันแรกๆ ที่เราคบกัน ไม่เคยถามอะไรเธอเลยเพราะคิดอยู่เสมอว่าถ้ามีอะไรเธอคงจะบอกผมเอง...ณ.วินาทีนั้น น้ำตาลูกผู้ชายก็ไหลรินออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน ผมเพิ่งจะได้รู้ว่าเธอสำคัญกับผมมากเพียงใดก็เมื่อตอนที่เธอกำลังจะจากผมไป...

มองเข็มนาฬิกา แล้วมองหน้าเธออีกครั้ง ทำไมเวลามันเดินไปเร็วอย่างนี้... 
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หลังจากที่ผมรู้ข่าวร้ายของแฟนผม อาการของเธอก็ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย นี่เธอกำลังจะจากผมไปอย่างนั้นเหรอ ผมไม่อยากให้เวลามันเดินต่อไปเลยเพราะยิ่งมันเดินต่อ เวลาของผมกับแฟนก็ยิ่งเหลือน้อยลง...

อยากกอดเธอได้หรือเปล่า อยากกอดจนถึงวินาทีสุดท้าย บันทึกลงในหัวใจ ให้เสี้ยวนาทีนี้...บอกเธอให้รู้ว่ารักเธอเท่าไร แทนคำว่าฉันขอโทษด้วยน้ำตา... 
ผมกอดเธอทุกครั้งก่อนที่เธอจะเข้าไปทำคลีโม มันเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถยื้อชีวิตของเธอได้ การทำคลีโมแต่ละครั้งมันก็เสี่ยงมาก เหมือนกับย่างเท้าเข้าไปในดินแดนแห่งความตายข้างหนึ่ง มันกล้ำกึ่งระหว่างความเป็นและความตายแต่ผมไม่มีทางเลือก การที่ยอมเสี่ยงมันก็อาจจะดีกว่าไม่ยอมทำอะไรเลย ผมอยากจะเก็บความรู้สึกดีๆ ในระหว่างที่เรากอดกันเอาไว้ ผมอยากให้เธอรู้ว่าผมรักเธอมากแค่ไหนและอยากจะให้อ้อมกอดนี้ช่วยเป็นกำลังใจให้เธอต่อสู้กับโรคร้ายต่อไปได้อีก

หนึ่งนาทีจะซึมซับไว้ทุกๆไออุ่น เพิ่มความทรงจำดีๆครู่นึง คงทำได้เพียงเท่านี้  
แชะ...

เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นเป็นระยะ ไม่ว่าผมจะทำอะไร เธอก็จะถ่ายรูปผมเก็บเอาไว้ เธอบอกว่าอยากจะเก็บรูปของผมเอาไว้ในความทรงจำให้นานที่สุด ทุกครั้งที่ผมได้ยินเธอพูดแบบนั้น ผมก็จะดึงเธอมากอดไว้แนบกายและถ่ายทอดความรักและความอบอุ่นให้เธอผ่านอ้อมกอดนี้

ให้เวลาที่เหลือน้อย ตอกย้ำลงไป ว่าวันนั้นโง่แค่ไหน ที่ไม่รู้จักรักษาให้ดี  
“ตัวเอง ทำไมไม่ดูและเค้าเหมือนตอนแรกๆ ที่เราคบกันล่ะ”

“ตัวเองเหนื่อยมากหรือเปล่า เค้านวดให้นะ”

“ทำไมตัวเองทำแบบนี้กับเค้า!?! เค้าทำผิดอะไรงั้นเหรอ!”

“เค้ารักตัวเองมากนะ อย่าทิ้งเค้าไปเลยได้มั๊ย ได้โปรดเถอะ เค้าไม่เหลือใครแล้วจริงๆ นะ”

“แล้วยังไงล่ะ! ถ้าเค้าบอกไปแล้ว ตัวเองก็จะทิ้งเค้าไปล่ะสิ! เค้ามันก็แค่ของตายนิ เค้าจะเป็นหรือจะตายตัวเองก็ไม่สนใจอยู่แล้วนิ!!!”

“...เวลาของเค้าเหลือน้อยเต็มทนแล้ว ตัวเองอย่ามัวมาเสียเวลากับเค้าเลย ทิ้งเค้าไว้ที่นี่น่ะแหละ เค้าไม่โกรธหรอก เค้าเข้าใจดี...”

คำพูดของเธอลอยเข้ามาในหัวของผมไม่ขาดสาย ทำไมผมถึงเป็นผู้ชายที่โง่แบบนี้ เธอดีกับผมมากแต่ผมกลับทำร้ายเธอสารพัด ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่เธอก็ยังรักผู้ชายเลวๆ แบบผม ทำไม...ทำไมคนที่เป็นโรคร้ายนั้นถึงต้องเป็นเธอ ทำไมไม่เป็นผม คนอย่างผมไม่สมควรที่จะอยู่คู่เคียงกับคนดีๆ อย่างเธอหรอก

มองเข็มนาฬิกา แล้วมองหน้าเธออีกครั้ง ทำไมเวลามันเดินไปเร็วอย่างนี้...  
“หมอเสียใจด้วยครับ พวกเรารักษาอย่างสุดความสามารถแล้วแต่มะเร็งได้ลามไปอย่างรวดเร็วมาก ตอนนี้มันได้ลามไปที่ส่วนอื่นๆ ของร่างกายคนไข้แล้ว หมออยากให้คุณทำใจเอาไว้ด้วย คนไข้คงจะอยู่ได้อีกแค่ไม่เกิน 2 วัน ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”

สิ้นคำพูดของหมอ ผมก็ทรุดตัวลงกับพื้น น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลรินออกมาอีกครั้ง ทำไมเวลาของเธอและผมมันถึงเหลือน้อยเหลือเกิน ถ้าผมเสียเธอไปแล้วผมจะอยู่ได้อย่างไร นี่คงเป็นบทลงโทษสำหรับผู้ชายเลวๆ แบบผมสินะ เพราะผมมันเป็นคนไม่ดี ผมจึงต้องสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดของผมไป...

อยากกอดเธอได้หรือเปล่า อยากกอดจนถึงวินาทีสุดท้าย บันทึกลงในหัวใจ ให้เสี้ยวนาทีนี้...บอกเธอให้รู้ว่ารักเธอเท่าไร แทนคำว่าฉันขอโทษด้วยน้ำตา... 
ผมเดินเข้าไปหาเธอที่ห้องพักคนไข้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผมพยายามฝืนตัวเองไมให้ร้องไห้ ผมไม่กล้าบอกข่าวร้ายนี้ให้กับเธอเพราะกลัวว่าเธอจะยิ่งเสียกำลังใจและจากผมไปเร็วขึ้นอีก เธอนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงคนไข้ สายตาของเธอมองออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมายและเมื่อเธอรู้ตัวว่าผมเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ เธอ เธอก็บอกกับผมว่าเธอรู้เรื่องที่หมอบอกผมแล้ว เธอกำลังจะจากผมไปในอีกไม่กี่วันนี้ เธอขอร้องให้ผมอยู่กับเธอตลอดเวลา จนกว่าเธอจะสิ้นลมหายใจ จากนั้นเธอก็ขอให้ผมกอดเธอ เธอบอกว่าอยากเก็บความอบอุ่นนี้ไว้ในความทรงจำของเธอ ผมกอดเธอทั้งน้ำตา เราทั้งคู่ต่างร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน...ผมเอ่ยปากขอโทษเธอตลอดเวลาที่เราทั้งสองกอดกัน

ฉันรู้ตัวช้าเกินไปใช่ไหม ว่าเธอนั้นมีค่า เวลาไม่ย้อนคืนมา อีกแล้ว…  
ผ่านพ้นไปเพียงแค่วันเดียว เธอก็มีอาการกำเริบขึ้นมาและหลังจากนั้น 2 ชั่วโมง หมอก็เดินมาบอกกับผมว่า...เธอกำลังจะจากผมไปแล้ว ขอให้ผมเข้าไปพบเธอเป็นครั้งสุดท้าย ณ ตอนนั้นผมร้องไห้อย่างไม่อายฟ้าดิน คนที่มีค่าที่สุดสำหรับผมกำลังจะจากผมไป ผมไม่อยากที่ยอมรับในความจริงเรื่องนี้เลย ทำไมผมถึงรู้ตัวช้าแบบนี้นะ ที่ผ่านมาถ้าผมทำดีกับเธอมากกว่านี้ก็คงจะดี ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะย้อนวันเวลากลับไปตอนที่เธอยังไม่ป่วยหนักแบบนี้และดูแลเธอให้ดีที่สุด...แต่ก็รู้ดีว่าเวลามันไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้อีกแล้ว...

อยากกอดเธอได้หรือเปล่า อยากกอดจนถึงวินาทีสุดท้าย บันทึกลงในหัวใจ ให้เสี้ยวนาทีนี้...บอกเธอให้รู้ว่ารักเธอเท่าไร แทนคำว่าฉันขอโทษด้วยน้ำตา...  
ผมเดินเข้าไปหาเธอทั้งน้ำตา เธอพยายามหันมายิ้มให้ผมทั้งๆ ที่เรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่มีเหลือแล้ว เธอขอให้ผมยิ้มส่งเธอเป็นครั้งสุดท้ายและขอให้ผมเปิดใจรับคนอื่นเข้ามา อย่าได้ปิดกลั้นหัวใจตัวเองเพียงเพราะคนที่กำลังจะจากไปอย่างเธอ ผมกอดเธอไว้เพื่อสื่อความรู้สึกของผมที่มีให้กับเธอว่าผมรักเธอมากเพียงใด เธอมีค่ากับผมเหลือเกิน ผมไม่อยากจะสูญเสียเธอไป ผมบอกรักเธอและบอกขอโทษเธอในสิ่งที่ผมทำไม่ดีกับเธอมาตลอด เธอยิ้มและบอกกับผมว่าเธอไม่เคยโกธรผมเลย เธอขอให้ผมมีความสุขและสุดท้ายเธอก็บอกว่ารักผมก่อนที่เธอจะหลับไปและไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลย...ผมขอโทษนะอ้อม...ลาก่อน อ้อมจะอยู่ในใจผมตลอดไป...

คนเรามักมองไม่เห็นความสำคัญของคนที่อยู่เคียงข้างเรามาตลอด กว่าที่เราจะรู้ตัวว่าคนๆ นั้นมีค่ากับเราแค่ไหนก็ตอนที่เขากำลังจะจากเราไปแล้ว แน่ล่ะว่าวันเวลาในตอนนั้นมันไม่สามารถย้อนกลับคืนมาให้เราได้แก้ตัวอีกครั้ง เราจึงควรทำเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด ก่อนที่เขาจะจากเราไปตลอดกาล...  


PS. ขอบคุณเพลง "หนึ่งนาที" บทเพลงดีๆ จาก ดิว อรุณพงศ์ ชัยวินิตย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น