วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เขาแทรกกลาง หรือเราอ่อนแอ




มีกันไหม? เพลงในความทรงจำของแต่ละคน...ฉันมีนะ มันเป็นเพลงที่ฉันไม่ได้ยินมานานแล้ว แต่เพราะตอนเช้า ขณะกำลังเสียบหูฟังเพลงที่ใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ระหว่างนั่งทำงานอยู่นั้น จู่ๆ เพลงในความทรงจำก็ดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงของใครคนนั้นที่ฉันจดจำได้เป็นอย่างดี ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งเราเคยเดินจับมือกัน เคยโทรคุยกันทุกวัน เคยส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กันและกันอยู่เสมอ

เราสองคนพบกันผ่านโปรแกรมแชทสมัยก่อน เขาเป็นฝ่ายแอดฉันมา และเริ่มต้นทักทาย ทั้งที่เป็นการพูดคุยกันครั้งแรก แต่ฉันก็เผลอให้เบอร์ติดต่อเขาไปเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาโทรมา จากนั้นพวกเราก็ได้พูดคุยกันมากขึ้น มากขึ้น และมากจนพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนมาเป็นคนรัก

เขาเป็นคนเฟรนด์ลี่ แต่มักจะเขินอายเวลาคุยกับฉัน ซึ่งน่นฉันว่ามันดูน่ารักดีเหมือนกันนะ เขาค่อนข้างเปิดเผยเรื่องราวของตนเองให้ฟังอยู่เสมอ แม้หลายคร้งที่ความคิดของเราสองคนจะไม่ค่อยตรงกันเท่าไรนัก มีงอน มีทะเลาะกันบ้าง แต่พวกเราก็ยังคงจับมือเดินต่อไปด้วยกันเรื่อยๆ ฉันชอบเวลาที่เขาแอบทำอะไรน่ารักๆ อย่างการส่งเพลง ส่งคลิปเสียงของเขามาให้ฟัง เล่านิทานให้ฟังก่อนนอน รวมไปถึงการเล่าเรื่องตลกแปลกๆ ให้ฟังด้วย

แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ความสุขของคนเรามักอยู่ไม่นาน ในวันหนึ่งเพื่อนของเขาได้แอดเฟรนด์ฉันมาและฉันก็กดรับไปอย่างไม่ทันคิดอะไร เธอคนนั้นเริ่มเข้ามาทักทาย และบอกกับฉันถึงสิ่งที่เขาปกปิดไว้ แน่ล่ะว่าฉันไม่เชื่อ เพราะเธอไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยัน แถมพอไปถามเขา เขาก็บอกให้มั่นใจว่าเธอเป็นเพียงคนรู้จักเท่านั้น

ฉันคิดว่าเรื่องมันจะจบลงแค่นั้น แต่เปล่าเลย นั่นน่ะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นต่างหาก เพราะหลังจากวันนั้น ผู้หญิงคนนั้นนเริ่มเข้ามาปั่นหัวและโพสแสดงตัวให้เห็นบ่อยขึ้นถึงเรื่องของเขา ฉันพยายามไม่คิดแต่ก็นะ ผู้หญิงยังไงก็เป็นผู้หญิง เรื่องคิดมาก กังวลใจย่อมมีอยู่แล้ว มันจึงเป็นช่วงที่ฉันต้องพยายามมากขึ้นเพื่อจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรายังคงเดินไปต่อด้วยดี 


แต่มันเหนื่อยนะ เหนื่อยเหลือเกิน...
กับการที่ต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเขายืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไรและทำไม่สนใจอยู่แบบนั้น กระทั่งวันหนึ่งเขาคงอยากเคลียร์เรื่องวุ่นวายนี้ จึงได้ตัดสินใจคุยกับผู้หญิงคนนั้นให้รู้เรื่องโดยมีเพื่อนของเขาไปด้วยเพื่อเป็นพยาน จากนั้นเขาได้ทำการส่งเพลงๆ หนึ่งมาให้ฉัน ชื่อเพลงว่า...ไม่มีตรงกลาง
โดยเขาอัดเสียงตัวเองตอนร้องเพลงนี้ไว้และส่งมา มันเป็นโมเม้นต์ที่ต้องบอกว่าดีใจมาก ฉันคิดว่า โอเค ปัญหาคงจบแล้ว ต่อจากนี้คงไม่ต้องวุ่นวายใจอีก และเราสองคนคงสามารถเดินต่อไปด้วยกันได้ ฉันอยากเชื่อใจเขาให้มากขึ้น

ประเด็นคือฉันคิดผิด หลังจากนั้นไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นส่งข้อความมาต่อว่าฉันเป็นการใหญ่ที่ฉันเล่าเรื่องของเธอให้เขาฟังจนเป็นเรื่องราวใหญ่โต พร้อมทั้งยังส่งรูปแปรงสีฟันคู่มาและฝากให้บอกเขาว่า อย่าลืมกลับไปเก็บแปรงคืนที่ห้องของเธอด้วย ใช่แล้ว เธอกำลังบอกฉันว่า ที่ผานมา เขาไปนอนกกอยู่กับเธอนั่นเอง ฉันจำได้ดีว่าตอนนั้นตัวเองรู้สึกขำไม่น้อยกับเรื่องนี้ แปรงสีฟันเนี่ยนะ? แน่จริงทำไมไม่ส่งกกน.มาเป็นหลักฐานยืนยันเสียเลยล่ะ ฉันคิดแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป 

หลังคุยกับเธอเสร็จ ฉันก็โทรรายงานเขาถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ครั้งนี้น้ำเสียงเขาเปลี่ยน ถึงจะเพียงเล็กน้อย แต่ฉันจับสมผัสได้ถึงความรู้สึกตึงเครียดในน้ำเสียงนั้น เขาบอกกับฉนว่าเขาเหนื่อย เขากลุ้มใจกับเรื่องนี้และอยากให้จบสิ้นปัญหาเสียที เขาขอให้ฉันอันเฟรนด์ผู้หญิงคนนั้นซะ เลิกติดต่อกับเธอไปเลย โดยเขาได้ทำการขึ้นโพสข้อความในพื้นที่ของเขาและประกาศชัดเจนว่า ฉันคือแฟนเพียงคนเดียวของเขาและความรักของเรานั้นมั่นคง แน่นหนา ไม่มีที่ให้ใครแทรก พร้อมกันนี้ยังได้โพสเตือนคนอื่นอีกด้วยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอันตรายที่พยายามระรานเขาและคนรอบข้างเพื่อให้เข้าใจผิดว่าเธอคือคนรักของเขา หากเธอทักใครไป ขอให้รีบบล็อกไปซะ ถ้าไม่อยากปวดหัว เมื่อเห็นโพสแบบนั้น ฉันจึงรบปากและอันเฟรนด์เธอไปตามที่เขาขอ

เวลาผ่านไปเขายังคอยรายงานให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมเลิกระรานเขา เธอทำทุกทางเพื่อให้ได้ติดต่อกับเขาอีก แต่เขาไม่คุยด้วย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอบ้าไม่เลิก ตามไปไล่บี้จากเพื่อนของเขาแทน เขาปวดหัวไปหมดกับเรื่องนี้ ไม่รู้จะหาทางออกยังไง เพราะเขาคงไม่ทำร้ายผู้หญิงแน่ พอหลงจากคุยไปคุยมาเขาจึงบอกกับฉันว่า เขาอยากไปพักสมองที่พัทยากับเพื่อน 2 วัน เขาพูดอีกว่า อยากคิดอะไรหน่อย ขอให้ฉันไม่ติดต่อไปรบกวนเขา ฉันตอบโอเคเพราะไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดี ฉันรู้สึกไม่ดี และคิดว่ามันไม่แฟร์ที่ปัญหาเกิดกับฉันเพราะเขาและผู้หญิงคนนั้น ฉันควรเป็นฝ่ายเครียดไม่ใช่เขา แต่เขากลับพูดเหมือนฉันทำให้เขามีปัญหาวุ่นวายใจ ก่อนวางสายไปฉันจึงพูดเพียงแค่ว่า หายเหนื่อยแล้วอย่าลืมติดต่อกลับมานะ อยากฟังเสียงเธอร้องเพลงอีก

หลังจากเขากลับมา เรายังคงคบกันต่อไป แต่ฉันรู้ว่า "มัน" ไม่เหมือนเดิม มีบางอย่างแปลกไป อย่างน้อยๆ ก็เรื่องของความรู้สึก เราคุยกันน้อยลง ตามตัวกันยากขึ้น ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเลิกแชทกับฉันแต่ยังขยันโพสให้ได้รู้ว่าอยู่กับเขา ฉันคิดเสมอว่าเธอโกหก แต่ในหลายครั้งจุดที่เธอโพสนั้น เขาก็อยู่ที่นั่นจริงๆ ซึ่งจริงๆ ฉันไม่ควรไปใส่ใจ แต่นิสัยผู้หญิง ต่อให้อันเฟรนด์กันไปแต่ก็ยังอยากเห็นความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอยู่ดีนั่นแหละ แล้วพอเห็นบ่อยเข้ามันก็หงุดหงิดในใจ บางครั้งฉันหาเขาเจอจากจุดที่เธอโพสด้วยซ้ำ 

ฉันปรึกษาเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท เพื่อนบอกว่า เพราะเขาและเธอเรียนอยู่ที่เดียวกัน มันคงยากหากจะเลี่ยงกัน และยิ่งเธอคนนั้นเป็นคนนิสัยประหลาดขนาดนั้น มันเป็นไปได้ว่า เธออาจแอบตามดูว่าเขาไปไหนบ้างเพื่อโพสให้ฉันเข้าใจผิด ฉันควรเชื่อใจคนรักให้มากเข้าไว้ แต่ขณะเดียวกัน เพื่อนก็พูดให้คิดอีกว่า เขาอาจเคยพูดหรือทำอะไรให้เธอคนนั้นเข้าใจผิด ถึงได้คิดเป็นจริงเป็นจังและตามราวีคนอื่นแบบนี้ อีกอย่างที่ผู้ชายบอกว่าตัดขาก ไม่ติดต่อแล้วน่ะ มันจริงหรือเปล่าเพราะมันดูแปลกมากที่เธอดูจะรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเขาในขณะที่ฉันซึ่งเป็นแฟนยังดูรุ้น้อยกกว่าด้วยซ้ำ

ดังนั้นพอมีเรื่องรบกวนจิตใจบ่อยเข้า ฉันจึงตัดสินใจคุยกับเขาเป็นจริงเป็นจังถึงเรื่องนี้อีกรอบ ครั้งนี้เขาโกรธฉัน เขาว่าฉันงี่เง่ืา ไม่ยอมเชื่อใจเขา และหาเรื่องให้ต้องทะเลาะกันเพียงเพราะผู้หญิงบ้าๆ คนเดียว ทั้งที่เขาบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว และเคยขอให้เลิกสนใจผู้หญิงคนนั้น แต่ฉันกลับทำผิดสัญญา ฉันขอโทษเขา และรับปากว่า จะไม่ทำแบบนั้นอีก ขอให้เขาให้อภัย แม้ภายในใจฉันจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นความผิดของฉันคนเดียวก็ตาม เขาไม่พูดอะไรมาก แต่ขอตัวไปนอนคิดเงียบๆ คนเดียวก่อน หลงวางสายไป ฉันรู้สึกแย่มาก อะไรบางอย่างบอกฉันว่า มันคงไม่มีวันของเราอีกต่อไป

และมันก็จริง ฝันร้ายของฉันมาถึงเร็วกว่าที่คิดไว้มาก ในตอนแรกฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพราะกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ จนกระทั่งเพื่อนโทรมาหาและถามว่า 


เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงประกาศว่าเลิกกับแกแล้ว 
นาทีนั้นมันเหมือนมีอะไรหนักๆ มากระแทกเข้าที่หัวอย่างรุนแรง มือของฉันสั่นเทา ก่อนค่อยๆ กดเลื่อนเข้าไปดูในหน้าของเขา และพบกับข้อความที่เขาโพสป่าวประกาศว่าเราสองคนเลิกกันแล้ว...เจ็บกว่าการเลิกกันคือ ทำไมไม่พูดกันตรงๆ แต่โพสลงที่สาธารณะเพื่อบีบกันแบบนั้น...
 
ฉันคืออะไรสำหรับเขา หรือแท้จริงแล้วฉันไม่เคยมีความหมายอะไรเลย เขาจึงทำร้ายกันด้วยข้อความพวกนี้...ทำไมไม่คิดถึงใจของฉันบ้าง อย่างน้อยเรื่องนี้ฉันควรรู้เป็นคนแรก ไม่ใช่รู้เพราะมีคนมาบอกไม่ใช่หรือ ฉันเสียใจ มันรู้สึกหน่วงไปหมด เจ็บจนแทบบ้าแต่แปลกที่ฉันไม่มีน้ำตาสักหยด หรือบางอาจเพราะในใจมันคิดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องมาถึง...

ฉันรีบติดต่อหาเขาทันที แต่เขาไม่รับสายฉัน ฉันจึงส่งข้อความไปหาและร้องถามหาเหตุผลของการกระทำเช่นนี้ บ้าเนอะ...จะอยากรู้ไปทำไมในเมื่อบทสรุปก็เหมือนเดิม 


เราเจอกันครั้งแรกผ่านข้อความ และในตอนท้ายเราก็จากกันผ่านข้อความ 

มันเป็นความเจ็บปวดที่ฉันจดจำไม่มีวันลืมเลยล่ะ หลังจากวันแห่งการเลิกรา ฉันทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นตัวเองคนเดิม ถึงจะไม่ได้อันเฟรนด์แต่เราสองคนก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกันอีกยาวไปร่วมหลายปี จนถึงวันเกิดของเขาซึ่งมันเป็นวันเกิดของเพื่อนร่วมเฟสบุ๊คของฉันอีกหลายคน ฉันจึงกดส่งอวยพรวันเกิดรัวไปแล้วดันเผลอกดส่งให้เขาด้วย จากนั้นไม่นาน เขาจึงติดต่อกลับมา และนั่นจึงเป็นครั้งแรกที่เราได้คุยกันหลังเลิกราไป

เราคุยกันหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องในวันนั้นด้วย เขาบอกกับฉันว่า ตอนนั้นเขาเหนื่อยจริงๆ บวกกับมันเป็นช่วงที่เขาเรียนหนักด้วย เขาเลยทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นลงไป จากนั้นเขาก็ไม่กล้ามาทักฉันอีก จนวันนี้ฉันเป็นฝ่ายส่งข้อความอวยพรวันเกิดไปหาเขาก่อน เขาจึงทักกลับมา เราสองคนคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนจะตกลงกันว่า ถึงจะเป็นคนรักกันไม่ได้แต่เราก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเถอะนะ ฉันตอบตกลง และเราสองคนจึงเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาจนถึงตอนนี้

แม้มันจะเป็นอดีตไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเพลง 'ไม่มีตรงกลาง' ฉันก็มักจะอดคิดถึงเรื่องเก่าๆ ขึ้นมาไม่ได้ เพราะถึงมันจะไม่ใช่เรื่องราวที่จบสวยงามเท่าไร แต่เพลงนี้มันก็เป็นความทรงจำดีๆ สีจางๆ ที่ทำให้ฉันยิ้มได้ทุกครั้งนี่นา ในตอนนั้น...

เพราะเราสองคนยังอายุน้อยเกินไป...จึงทำอะไรแบบขาดสติ
เพราะเราสองคนจับมือกันไม่แน่นพอ...จึงทำให้เรามีแต่ความกังวลใจ
เพราะเราอ่อนแอกันเกินไป...จึงทำให้ใครอีกคนเข้ามาแทรกกลางคอยปั่นหัวเราได้
และ...
เพราะเรารักกันไม่มากพอ...จึงทำให้ไม่สามารถเชื่อใจและพากันเดินไปต่อถึงเส้นชัย

มันเป็นอีกหนึ่งบทเรียนแห่งรักที่มีคุณค่าให้จดจำอย่างที่สุดว่า ต่อไปจะรักใคร ให้ทำช่วงเวลาที่มีกันและกันให้มีความสุขที่สุด เพราะอย่างน้อย หากในวันหนึ่งปลายทางมันตัน ไม่อาจร่วมเดินไปต่อได้ เราก็ยังจะมีความทรงจำที่ดีให้จดจำว่า...
ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันมากแค่ไหน 


เพลงประกอบ >> ไม่มีตรงกลาง
ศิลปิน >> เอ๊ะ จิรากร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น