พอไปถึง โบว์จัดการฝากอู่จี๊ไว้กับคุณหมอ และตัวเองก็บึ่งรถไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ให้ตัวเล็กที่เจเจต่อ สิริใช้เวลาไปประมาณครึ่งวัน (ถ้าแมวพูดได้มันคงด่าอีชั้นยับละว่าเอามันมาทิ้งไว้กับใครก็ไม่รู้ เจ็บตัวอีกต่างหาก)
พอตอนที่มารับอู่จี๊กลับบ้าน ม่ะม๊าสังเกตเห็นว่าใบหูของอู่จี๊มันดูแปลกๆ เหมือนเป็นแผลเลยให้คุณหมอดู คุณหมอเห็นปุ๊บก็จัดแจงเอามือลูบๆ ขูดๆ ทันที(ส่วนอีแมวก็แหกปากร้องโวยวายประหนึ่งว่ากลัวหมอจะจับฉีดตรูดอีกเข็มไรงี้) พอหมอขูดแผลมันก็มีขนของอู่จี๊หลุดออกมา แต่มันเป็นขนแบบแข็ง เป็นก้อนชอบกล มันเหมือนเวลาที่ผมเราไปติดกับข้าวสวยแล้วเหนียวติดเป็นก้อนประมาณนั้น หมอบอกทันทีว่า คุณหนูเสี่ยงเป็นโรคเรื้อน ติดเชื้อรา และอาจมีไรในหูด้วย ด้วยความที่ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน ได้ยินชื่อโรคก็เกิดอาการสตั๊นสิคะ แม่มมาเต็มที่เดียว 3 โรคเลยเหรอฟะ แค่มีขนหน้าตาแปลกๆ หลุดออกมาเองนะ =_=
สุดท้ายหมอก็ได้ให้ยาพ่นแก้เชื้อรามาพ่น 1ขวด บอกให้พ่นทุกวันวันละครั้ง โดยห้ามให้แมวเลียถูกยาโดยเด็ดขาด จากตอนแรกจะได้เสียตังค์ถูก งานนี้เลยเสียแพงเลยจ้า #ร้องไห้หนักมาก
นางนอนอ่อย
พอฉีดเสร็จ โบว์ก็ได้ปรึกษาเรื่องเชื้อราของอู่จี๊ ก็เล่าให้เขาฟังว่าคุณหมอที่นู่นเขาบอกมาแบนั้นแบบนี้ เล่าจบคุณหมอสั่งพี่พยายามจับอู่จี๊นอน เปิดหูดูทันที แล้วก็พบว่า ขี้หูโคตรเยอะ(เน้นว่าโค-ตะ-ระ) เยอะจนเจ้ตกใจ หมอถามเลยว่า นี่ตั้งแต่เอามาเลี้ยงไม่เคยแคะหูเลยใช่มั๊ย ก็ตอบไปตามตรงว่า ไม่เคยค่ะ แฮ่~ หมอเลยสั่งให้พี่พยาบาลจัดการแคะหูแมวน้อยขี้โวยวายซะพร้อมเอาขี้หูของนางไปทำการส่องกล้อง จากนั้นคุณหมอก็เรียกโบว์ไปดูด้วย เลยเห็นว่ามีตัวบร้าอะไรไม่รู้เดินกันหยุบหยับในขี้หู(หมอบอกว่ามันคือตัวไรขนหู) เกิดจากการหมักหมมขี้หูมานาน
สุดท้ายก็เลยได้ยาพ่นอีกตัวมาพร้อมยาทานเพื่อบำรุงขนมาอีกตัวด้วย อ้อ! แล้วก็คุณหมอพบว่า นอกจากตรงใบหูแล้ว อู่จี๊ยังเป็นราที่บริเวณอื่นอีกด้วย เบ็ดเสร็จประมาณ 5 จุด =[]=!!!
...ค่ะ ก็รักษาวนไปยาวๆ ค่ะงานนี้ อีแมวเอ๊ยอีเเมวววว
และสุดท้าย เชื้อราจากแมว ก็มีติดสู่ข้อยในเวลาต่อมา และยังคงรักษาลากยาวมาจนปัจจุบันนี้ #แมวหายแล้วเหลือแต่คนนี่แหละไม่หายสักที #หายช้าไปมั๊ย #สะเทือนใจ T^T
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น